วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

Chelsea


ชื่อเต็ม : Chelsea Football Club
ฉายา : The Blues ( สิงห์บลูส์,สิงโตน้ำเงินคราม )
ก่อตั้ง : ค.ศ. 1905
สนาม : สแตมฟอร์ดบริดจ์ ( ความจุ 41,841 คน )
ที่ตั้ง : กรุงลอนดอน
เจ้าของสโมสร : โรมัน อับราโมวิช
ผู้จัดการทีม : คาร์โล อันเชลอตติ


ประวัติสโมสร

สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55

ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้

ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าถึงรอบรอง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้รีล มายอร์ก้าในปีนั้นทีมที่ได้แชมป์คือ ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"

ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ

มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา

ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง

ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร

ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน

20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)

11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม

21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 10-9 ประตู

24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง

1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ

9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 10-10 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง

12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ

1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ

Cole




ประวัติ
โจเซฟ จอห์น โคล เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ณ เมือง อิสลิงตั้น ประเทศ ลอนดอน หลังจากนั้นเมื่ออายุได้ 6 ปี เขาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองแคมเดน ชีวิตในวัยเด็ก โจ โคล เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม เซนต์ แมรี

[แก้] วงการฟุตบอล

ส่วนชีวิตการค้าแข้งเริ่มเล่นทีมเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมและติดทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 17 ปี. ใน พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ได้ย้ายมาร่วมทีมเชลซี และส่งผลให้เขาติดทีมชาติอังกฤษ ตำแหน่งที่เล่นคือ กองกลางตัวรุก โดยมักจะเล่นทางกราบซ้าย ว่ากันว่าเขามีความสามารถใกล้เคียงกับ เปเล่ มีไหวพริบ และมีทักษะในการเล่นยอดเยี่ยม และในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ โคลได้ทำประตูที่น่าอัศจรรย์ จากจังหวะที่กองหลังของ ทีมชาติสวีเดนโหม่งสกัดออกมา แล้วโคลก็พักอกหนึ่งจังหวะแล้วช้อนลูกจากนอกกรอบเขตโทษเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ซึ่งประตูนั้นก็เป็นประตูที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษตีเสมอ ทีมชาติสวีเดนอีกด้วย และประตูของโคลก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดในศึกฟุตบอลโลก 2006 ในปี (2008) ทางสโมสรเชลซีได้มีการเปิดตัวโค้ชคนใหม่นาม "หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลลารี่" ซึ่งเป็นโค้ชชาวบราซิลเข้ามาทำทีม โดยสไตล์การเล่นของเขาจะใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งระบบดังกล่าวจะไม่เน้นใช้ผู้เล่นที่เป็นปีก ทำให้ โจ โคล เป็นเพียงตัวสำรองเป็นระยะเวลานาน เพราะต้องช่วงชิงตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงจากนักฟุตบอลในทีมที่เล่นในตำแหน่งกองกลางเป็นปกติอยู่แล้วอย่าง แลมพาร์ด, บัลลัค อีกทั้งยังมี เดโก้ ที่เชลซีดึงตัวมาจาก บาร์เซโลน่า ได้อย่างยากลำบาก และในเดือนมกราคม โจ โคล ได้รับบาดเจ็บยาวทั้งฤดูกาล ปัจจุบัน โจ โคล มีอายุ 29 ปี และกำลังจะหมดสัญญากับสโมสรเชลซีในซัมเมอร์ที่จะถึง ทำให้มีหลายสโมสรที่สนใจจะคว้าตัว โจ โคล แบบไม่มีค่าตัว ซึ่งสโมสรเหล่านั้นรวมถึง ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในที่สุดทางสโมสรลิเวอร์พูล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ และแถลงการทางเวปไซต์สโมสรแล้วว่า ได้เซ็นสัญญากับ โจล โคล แล้ว ด้วยสัญญา 4 ปี ค่าเหนื่อย 90,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ รวมแล้วรับค่าเหนื่อยปีละ 4.7 ล้านปอนด์ โดย โจล โคล จะสวมเสื้อเบอร์ 10 ในการลงเล่นในถิ่นแอนฟิลด์
โคลเริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมโดยลงเล่นไปทั้งหมด 149 นัด ยิงได้ 13 ประตู ก่อนจะย้ายมาอยู่กับทีมเชลซีเมื่อปี ค.ศ. 2003 ปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล[2]

Drogba



arsenal pics



















เมื่อฤดูกาล 03/04 ของ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาของ โอลิมปิค มาร์เซยคือกองหน้าผู้ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคนนึงในลีก โดยเข้าต้องแข่งกับ ฌิบริล ซิสเซ่ กองหน้าของโอแซร์ในการที่จะเป็นดาวซัลโวของทีม ดร็อกบาสามารถที่จะเป็นดาวซัลโวของลีก เอิงได้และเขาพาทีมมาร์เซยต้นสังกัดของเขาลงเล่นใน ยูฟ่า คัพ รอบชิงชนะเลิศและเขาได้ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมในลีก เอิง
ก่อนหน้าที่เขาจะเล่นให้กับมาเซยนั้นเขาได้ลงเล่นให้กับ Guingamp ทีมในลีก 2 ของฝรั่งเศส เขาย้ายมาเล่นให้มาร์เซยด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์เท่านั้น ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้เชลซีด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ ดร็อกบาเริ่มต้นเล่นให้กับทีมในไอวอรี่โคสต์บ้านเกิดของเขา ลี เมนส์ เมื่อเขาย้ายมาเล่นในลีหฝรั่งเศสเขาทำผลงานได้ดีทีเดียว ด้วยการพละกำลังในการเบียดแย่งบอลหรือว่าจะเป็นความคมในการทำประตูทำให้เขาถูกขับตามองมากในขณะนั้น
ในฤดูกาล 02/03 ช่วงเดือนกรกฎาคมเขาต้องพาต้นสังกัดของเขาเจอกับทีม ปอร์โต้ ซึ่งช่วงนั้นมูริญโญ่คุมทีมอยู่ จากนั้นคงทำให้มูริญโญ่เริ่มสนใจในตัวเขามากขึ้น ในฤดูกาลนั้นเขาลงสนามถึง 46 นัดรวมทุกถ้วยเขาสามารถทำประตูไปได้ถึง 27 ประตู และตอนนี้แฟนบอลเชลซีก็หวังให้เขาทวงฟอร์มนั้นกลับมาอีกครั้งให้ได้
ดร็อกบาเกิดในเมืองเล็กๆของประเทศไอวอรี่ โคสต์ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 8 ปีช่วงนั้นเขาไม่คิดว่าจะได้มาเล่นในลีกต่างประเทศขนาดนี้จนเมื่ออายุได้ซักประมาณ17-18 ปี ก็มีทีมจากฝรั่งเศสมาเซ็นต์สัญญาค่าตัวไป 4 ล้านปอนด์ และจากนั้นคือจุดเริ่มต้นของเขาในวงการฟุตบอลจนถึงบัดนี้....

สัญชาติ ไอวอรี่ โคสต์
ตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า
ใส่เสื้อเชลซีเบอร์ 15
เซ็นสัญญากับเชลซีเมื่อ 20/07/2004
เกิดเมื่อวันที่ 11/03/1987
สถานที่เกิด อาบิดจาร์น,ไอวอรี่ โคสต์
ส่วนสูง 5'1
น้ำหนัก 11.6 สโตนด์
-->

Terry

        สุดยอดกัปตัน!! เจที กับ 500 เกมในประวัติศาสตร์เชลซี
          Image

John Terry กัปตันทีมเชลซี ยอมรับว่า เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เขาได้ลงเล่นให้กับทีมต้นสังกัดมาครบ 500 นัด และกล่าวว่า เป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ ที่เป็นกัปตันทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์เชลซี

ตำนานเซนเตอร์แบ็ค พาทีมเฉือนชนะ Tottenham Hotspurs อย่างเฉียดฉิว 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และเขาอาจพาทีมต้นสังกัด เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 4 ในเกมที่ 503 ของเขา หาก Chelsea สามารถไล่แซงจ่าฝูง Manchester United ได้

และ Terry กล่าวว่า เขาอยากให้สิ่งที่เขาแบกรับมาเกือบปีนั้น เป็นจริงเสียที "ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมาก" กัปตันทีมชาติอังกฤษ กล่าว "เมื่อมองกลับไป ตอนผมอายุ 18 ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันนี้ได้"

"ผมดีใจมากที่ได้ลงเล่นให้ทีมถึง 500 นัด แฟนๆ ต่างสนับสนุนในตัวผม และผมต้องการเกมที่จะลงมากกว่านี้ ผมเหลือสัญญาอีก 3 ปี และนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการที่จะทำ"

Terry ยอมรับว่า ชีวิตในรั้ว Stamford Bridge ย่อมมีขึ้นและลง ช่วงที่สาหัสที่สุด ก็อย่างที่รู้กัน คือ การที่เขายิงจุดโทษพลาด ในรอบชิงชนะเลิศ Champions League เมื่อปี 2008

"ช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งผม น่าจะเป็นนัดที่พบกับ Barcelona เราชนะเขา และผมก็เป็นคนทำประตูชัยได้ (ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในปี 2005)"

"ช่วงที่แย่ที่สุด คือ ในรอบชิงชนะเลิศ Champions League ที่ผมยิงจุดโทษพลาด แต่ในชีวิตค้าแข้งของผมทั้งหมด ผมเป็นกัปตันทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์เชลซี ซึ่งมันมีความหมายกับผมมาก และนั่นคือสิ่งที่จะอยู่กับผมตลอดไป"

Luiz

                                                                       Luiz





 

ดาวิด หลุยส์ / David Luiz





      ข้อมูลส่วนตัว
      ชื่อ : ดาวิด หลุยส์
      วันเกิด : 22 เมษายน 1987 ( 23ปี )
      เกิดที่ : ดาลิมา ,บราซิล
      ส่วนสูง : 187 เซนติเมตร
      ตำแหน่ง : กองหลังตัวกลาง
      สโมสร : เชลซี(Chelsea)
      หมายเลขเสื้อ : 4

      สโมสรเยาวชน
      1996-2001 : เซา เปาโล (บราซิล)
      2001-2005 : วิคเตอเรีย (บราซิล)

      สโมสรอาชีพ
      2006-2007 : วิคเตอเรีย (บราซิล) ลงสนาม 26 นัด ยิง 1 ประตู
      2007-2011 : เบนฟิก้า (โปรตุเกส) ลงสนาม 72 นัด ยิง 4 ประตู
      2011-ปัจจุบัน : เชลซี ลงสนาม5 นัด ยิง 2 ประตู


      ทีมชาติ
      2007 : ทีมชาติ บราซิลชุด20 2 นัด
      2010-ปัจจุบัน : ทีมชาติบราซิล 5 นัด


     หลังจากที่ ดาวิด หลุยส์ ปราการหลังชาวบราซิลเลี่ยนของทีม เบนฟิก้าทีมดังในลีกโปตุกีส เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีม "สิงห์บูลส์"เชลซีด้วยค่าตัว 25ล้านยูโร(ราว1,000ล้านบาท)เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่าน ก็ไม่ทำให้ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมต้องผิดหวัง ด้วยการโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในตำเเหน่งกองหลัง พร้อมทั้งประสานงานกับจอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนในการเติมเกมในเเนวรุกก็เป็นจุดเด่นของปราการหลังรายนี้เช่นกันหลายท่านคงจำได้ สำหรับลูกยิงอย่างสวยงามในนัดที่"สิงห์บูลส์"เชลซีเปิดบ้านเอาชนะ"ปีศาจเเดง"เเมนฯยูไนเต็ดไปเเบบสุดมันส์ด้วยสกอร์2:1 ล่าสุดกองหลังรายนี้ก็เติมเกมรุกเเละโหม่งทำประตูได้ด้วยในเกมที่ทีมต้นสังกัดไล่ต้อน"เรือใบสีฟ้า"เเมนฯซิตี้ไปแบบสบาย2:0 เเละในขณะนี้กองหลังวัย 23ปี ได้เป็นที่รักของเเฟนบอลเชลซีเข้าไปแล้ว

Lampard

                                                                      Lampard



       FRANK LAMPARDชื่อเต็ม         : Frank James Lampard Juniorวันเกิด          : 20 June 1978
สถานที่เกิด    :
Romford ,London Englandส่วนสูง          : 183 cm.น้ำหนัก          : 87 kg. ตำแหน่ง        : Central / Attacking Midfielder
    ประวัติ   แฟรงค์ แลมพาร์ด เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลกับสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยลงเล่นกับทีมเยาวชนตั้งแต่ ปี 1993 และสร้างผลงานได้ดีพอสมควร โดยเขายังเป็นลูกชายของแฟร้งค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์ ผู้ช่วยคนสำคัญของแฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์กุนซือเวสต์แฮมขณะนั้นซึ่งเป็นลุงของเขา

       ฤดูกาล 2001-2002
เขากลายมาเป็นนักเตะของเชลซีโดยเซ็นสัญญาในวันที่ 14 มิถุนายน 2001 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ และเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งที่ท้าทายใหม่อีกครั้ง โดยเขาลงเล่นเป็นมิดฟิลด์เคียงข้างกับเอมมานูเอล เปอร์ตี ซึ่งถือว่าเป็นคู่กองกลางที่แข่งแกร่งมาก เขาพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในฤดูกาลแรกของทีมสิงโตน้ำเงินคราม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อนัดชิงพ่ายกับอาร์เซนอล ซึ่งฤดูกาลนี้เองที่อาร์เซนอลคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งที่สอง โดยแลมพาร์ดลงเล่นในลีกทั้งสิ้น 37 นัด ทำได้ 5 ประตู และ 1 ประตูจาก 4 เกมในยูฟ่าคัพ ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้เขาจะโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่มีชื่อติดทีมชาติไปร่วมฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น

       ฤดูกาล 2002/2003
จากความผิดหวังที่ไม่ได้ร่วมทีมไปฟุตบอลโลกทำให้เขาตั้งใจเล่นมากขึ้นกว่าเดิม และพยายามอย่างยิ่งที่จะไปยึดตัวจริงในทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเลยทีเดียวโดยพาทีมคว้าอันดับ 4 ของลีก แย่งตำแหน่งการไปเล่นแชมเปี้ยนลีกให้ทีมได้สำเร็จ โดยฤดูกาลนี้เขาลงเล่นในลีก 38 นัด ทำได้ 6 ประตู และ 1 ประตูจาก 2 เกมในยูฟ่าคัพ จากผลงานที่ดีวันดีคืนของเขาทำให้เขามีโอกาสก้าวขึ้นไปติดทีมชาติบ่อยครั้งขึ้น

       ฤดูกาล 2003/2004 ปีนี้เขาโชว์ฟอร์มได้ดีพอสมควร ทั้งในนามทีมชาติ และกับสโมสรโดยเขาลงเล่นในลีก 38 นัด ทำได้ 10 ประตู และ 4 ประตูจาก 14 เกมในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เขาได้รางวัลอันดับ 2 นักเตะยอดเยี่ยมของ PFA โดยเป็นรอง เธียร์รี่ อองรี นักเตะเวิร์ลคลาสของอาร์เซนอล และปีนี้เองเขายังทำประตูในนามทีมชาติเป็นครั้งแรกในนัดกระชับมิตรพบกับโครเอเชีย ในวันที่ 20 สิงหาคม 2003
       ฤดูกาล  2004/2005 ปีนี้เองเชลซีมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งโดยการมาของ โฮเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ซึ่งพกดีกรีมามากมายทั้งแชมป์ลีกโปรตุเกส แชมป์ยูฟ่าคัพ และแชมป์เปี้ยนลีก เขาเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่โดยซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมมากมาย แต่แฟร้งค์ แลมพาร์ดก็ยังเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมรวมดาราโลกอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมผิดหวังเขาพาทีมขึ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ และทะลุไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของแชมป์เปี้ยนลีก
       ฤดูกาล  2005/2006 เขายังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ พาต้นสังกัดขึ้นสู่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนท่วมท้น และยังยิงประตูอย่างต่อเนื่อง โดยทำลายสถิติลงสนามติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ชิพของเดวิด เจมส์ที่ทำไว้ 159 นัดลงอย่างสิ้นเชิง โดยฤดูกาลนี้เขาทำได้ 20 ประตู เป็นประตูจากพรีเมียร์ลีก 16 ประตู จากการลงเตะ 35 นัด ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากองกลางจากพรีเมียร์ลีก และ 2 ประตูจากลีกคัพ และอีก 2 ประตูจากยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก และพาเชลซีได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อีกสมัย
       ฤดูกาล  2006/2007 ปีนี้เขาก็ยังยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ทำได้ถึง 21 ประตูจากพรีเมียร์ลีก 11 ประตู จากการลงเตะ 36  นัด เอฟเอคัพ
6 ประตู ลีกคัพ 3 ประตู ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก 1 ประตู

       ฤดูกาล  2007/2008 ในปีนี้อาจเป็นปีที่โชคไม่ค่อยดีสำหรับเขา เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บและสูญเสียมารดา แต่ก็ยังสามารถทำประตูสำคัญได้จากจุดโทษในนัดเจอลิเวอร์พูล เกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกรอบรองชนะเลิศ และฤดูกาลนี้เขาทำประตูได้ถึง 20 ประตู จากพรีเมียร์ลีก 10 ประตูจากการลงเตะ 23  นัด เอฟเอคัพ 2 ประตู ลีกคัพ 4 ประตู และยูฟ่าแชมเปี้ยนลีค 4 ประตู

       ฤดูกาล  2008/2009 เขาต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 5 ปี และยังรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างดี ทำประตูในทุกรายการ 20 ประตู จากพรีเมียร์ลีก 12 ประตู จากการลงเตะ 37 นัด ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 3 ประตู ลีกคัพ 2 ประตู และเอฟเอ คัพ 3 ประตู และเป็นประตูสำคัญให้ทีมกลับมาเอาชนะเอฟเวอร์ตันคว้าแชมป์ไปในที่สุด ด้วยฟอร์มของเขา ทำให้ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเชลซี ประจำฤดูกาลนี้

     เกียรติประวัติPremier League    :  2004/05 , 2005/06FA Cup                  :  2006/07 ,2008/09
Carling Cup           :
  2004/05 , 2006/07
Community Shield :
  2005

Torres

                                                                           Torres



ในวันที่ 31 มกราคม ปี พ.ศ. 2554 เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มา เชลซี ด้วยค่าตัวที่สูงที่สุดในอังกฤษ คือ 50 ล้านปอนด์ (ราว 2,458 ล้านบาท) ในเกมแรกของตอร์เรสนั้น ได้ลงสนามเจอกับทีมเก่าของเขา ลิเวอร์พูล ที่ สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ผลการแข่งขันนั้น เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 ตอร์เรสโดนเพื่อนร่วมทีมเก่าทำฟาวล์บาดเจ็บ และเขาได้โดนเปลี่ยนตัวออกแล้วส่งผู้เล่นสำรอง ซาโลมอง กาลู ลงมาเล่นแทนในนาทีที่ 66
ประตูแรกของตอร์เรสนั้น เป็นเกมที่ เชลซี ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-0 ที่ สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยนัดนั้น เชลซีขึ้นนำไปก่อน 1-0 ก่อนที่ตอร์เรสจะถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน ดิดิเยร์ ดร็อกบา และซัดด้วยเท้าซ้าย บอลเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้เชลซีขึ้นนำอีกครั้ง 2-0 และเขาได้รับการยกย่องให้เป็น Man of the macth ในเกมนั้น ส่วนประตูที่สองเกิดขึ้น ในเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตอร์เรสมีโอกาสซัดสองประตูในเกม โดยเขาเลี้ยงบอลหลบผู้รักษาประตูร่วมชาติ ดาบิด เด เคอา ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไป แต่เขายิงพลาดด้วยการยิงด้วยเท้าซ้าย บอลออกเส้นหลังประตูไปอย่างน่าเสียดาย
ประตูที่สามเกิดขึ้นกับตอร์เรสในเกมที่เชลซีเปิดบ้านรับการมาเยือนของสวอนซี โดยตอร์เรสยิงให้เชลซีขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก จากนั้นตอร์เรสได้ไปเสียบสกัดผู้เล่นของสวอนซีล้มลงไปริมเส้น ทำให้เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ถือเป็นใบแดงแรกในสีเสื้อเชลซีของเขา หลังจากพ้นโทษใบแดงแล้ว เขาได้มีโอกาสลงเล่นช่วยทีมทำศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยเชลซีอยู่สายอี ร่วมกับทีมเลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมนี บาเลนเซีย จากสเปน และเกงค์ จากเบลเยียม ในเกมที่พบกับเกงค์ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาระเบิดฟอร์มแกร่งโดยยิงสองประตู ช่วยให้ทีมชนะเกงค์ไป 5-0 และภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 เชลซีเป็นสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษเพียงทีมเดียวที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยถูกจับสลากให้พบกับเบนฟิก้า จากโปรตุเกส ซึ่งเชลซีสามารถเอาชนะด้วยผลประตูรวม 3-1 เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ พบทีมบาร์เซโลนา
หลังจากการทำประตูในนัดที่พบกับเกงค์นั้น ตอร์เรสก็ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้อีกเลย ในทุกรายการ ทำให้เขาถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติสเปนชุดแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 และอุ่นเครื่องกับทีมชาติเวเนซุเอลา จนครบหนึ่งปีที่เขาย้ายออกจากถิ่นแอนฟิลด์สู่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ถึงแม้เขาจะยิงประตูไม่ได้แต่ก็ช่วยส่งบอลให้เพื่อนยิงประตูได้หลายครั้ง จนในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555 เชลซีที่ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ อังกฤษ ถูกจับสลากประกบคู่แข่ง ได้เปิดบ้านรับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังจากลีกแชมป์เปี้ยนชิพ อังฤษ โดยเกมนี้เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้รับการไว้วางใจจากโรแบร์โต ดี มัตเตโอ โค้ชชาวอิตาลีชั่วคราวของเชลซี ให้ลงเล่นเป็นตัวจริง โดยในเกมนี้เป็นเชลซีที่สามารถเก็บชัยชนะได้ 5-2 โดยตอร์เรสสามารถยิงได้ 2 ประตู และส่งให้เพื่อนยิงอีก 2 ลูก สามารถหยุดสถิติยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ในรอบ 5 เดือน 1,541 นาทีได้ จากนั้นก็สามารถยิงได้อีก 1 ประตูในเกมที่ชนะแอสตันวิลล่า 4-2 หลังจากนั้นเดือนเมษายน เชลซีที่ต้องพบกับบาร์เซโลน่า สามารถเอาชนะบาร์เซโลน่าได้ก่อนที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 1-0 และบุกไปเสมอบาร์เซโลน่าได้ 2-2 โดยในเกมนั้น ตอร์เรสเป็นผู้ทำประตูปิดท้าย ทำให้เชลซีผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศพบกับบาเยิร์น มิวนิคที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า ประเทศเยอรมนี แม้เขาจะไม่สามารถยิงได้ในนัดชิงชนะเลิศ แต่เชลซีก็สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกได้เป็นสมัยแรกของสโมสรหลังเสมอกับบาเยิร์นมิวนิคในเวลาปกติ 1-1 ก่อนดวลจุดโทษชนะด้วยสกอร์รวม 5-4
การทำแฮตทริกครั้งแรกของตอร์เรสในสีเสื้อเชลซี เกิดขึ้นในเกมที่เชลซีเปิดบ้านถล่มสโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์ ไป 6-1 โดยเขาทำประตูได้ในนาทีที่ 19,25,64 ในฤดูกาล 2011-2012 เขายิงประตูได้ 11 ประตู โดยลงสนาม 48 นัดตั้งแต่ย้ายมาเชลซี ยิงรวม 12 ประตู
เมื่อพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2012-13 เปิดฤดูกาล ตอร์เรสยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ของตัวเองได้ในเกมนัดที่สองที่เชลซีเปิดบ้านเอาชนะเรดดิ้งไปได้ 4-2 และเขายังสามารถยิงได้ต่อเนื่อง ในเกมนัดที่สามที่เชลซีเปิดบ้านพบนิวคาสเซิ่ล